Hot Topic!
สร้างผิดที่ ผิดทาง 42,000 ล้านบาท ที่สุวรรณภูมิ?
โดย ACT โพสเมื่อ Oct 24,2018
- - ขอบคุณข้อมูลจาก แนวหน้า - -
คอลัมน์ ต่อต้านคอร์รัปชัน : โดย รศ.ดร.ต่อตระกูล ยมนาค และดร.ต่อภัสสร์ ยมนาค
ในอดีตจนถึงปัจจุบันประเทศไทย ได้เคยผิดพลาด เสียเงิน เสีย งบประมาณอย่างไม่จำเป็นมา หลายครั้ง จากการพัฒนาที่ไม่มีการวางผังแม่บท (Master Plan) หรือที่ผิดพลาดมากขั้นไปอีก ก็คือเมื่อมีผังแม่บทแล้วไม่ทำตาม ขอยกตัวอย่างกรณีต่างๆ ในอดีตของไทยที่แสดงความผิดพลาดเล็กๆ เกี่ยวกับผังแม่บทที่นำไปสู่ความสูญเสียใหญ่ๆ ดังนี้
ตัวอย่าง "ถนนควายเดิน" ซึ่งเป็นชื่อเรียกถนนในหมู่บ้าน ที่สร้างเพื่อสนองผู้มีอิทธิพลรายเดียว ไม่ได้ประโยชน์ให้กับคนทั่วไป
ตัวอย่าง "เมืองห้องแถว" กรุงเทพฯ ที่มีความเจริญเฉพาะที่ดินที่ติดถนน แต่ที่ดินหลังห้องแถวเป็นที่ว่างเปล่าไร้ประโยชน์ เพราะขาดการวางผังเมืองและการบังคับใช้หลักการวางผังเมืองในการขยายเมืองตั้งแต่ต้น
ตัวอย่าง "อาคารโอท็อปร้าง" สร้างผิดที่ ทำให้นักท่องเที่ยว ไม่สะดวกแวะซื้อของ จึงไม่มีคนมาขาย สุดท้ายต้องปิดทิ้งปล่อยร้าง
ตัวอย่าง "บ่อบำบัดน้ำเสีย คลองด่าน" ที่ย้ายที่ตั้งจากที่ศึกษาไว้แล้ว โดยแก้ผังแม่บทให้ย้ายมาก่อสร้างในที่ดินของนักการเมือง ส่อความไม่ชอบมาพากล จนถูกขุดคุ้ย พบการทุจริตสารพัด รวมทั้งการออกแบบที่ใช้ไม่ได้ ทำให้สูญเปล่าเสียเงินที่ก่อสร้างไปแล้ว 25,000 ล้าน ปัจจุบันยังปล่อยทิ้งร้างอยู่
สำหรับที่สนามบินสุวรรณภูมิ การสร้างผิดที่ผิดทาง กำลังจะเกิดขึ้น ซ้ำรอยความผิดพลาดที่ผ่านมาอีก เพราะกำลังจะสร้างอาคารผู้โดยสาร หลังใหม่ (Terminal 2) มูลค่าถึง 42,000 ล้านบาท โดยไม่คำนึงถึงผังแม่บท (Master Plan) เดิมที่วางไว้ เป็นอย่างดี
เรื่องนี้ บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ได้อธิบายว่าที่ตั้งอาคารผู้โดยสารหลังใหม่นี้ ทำตามผังแม่บท ที่ผู้เชี่ยวชาญ ของ ICAO ได้แนะนำไว้ แต่ปรากฏว่าเอกสารตัวจริงของ ICAO ในวันที่ ทอท.ได้นำมาชี้แจงต่อหน้าองค์กรวิชาชีพและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 15 องค์กร ที่สมาคมสถาปนิกสยาม เมื่อวันที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมานั้น พบว่า มีการเสนอแต่เพียงว่า ให้ต่อ Concourse A ทางเดินต่อเชื่อมขึ้น เครื่องเท่านั้น ไม่เคยมีคำว่าให้สร้าง เป็นอาคาร (Terminal) อยู่ในรายงาน ที่เสนอเลย !!!!
นี่คือหนึ่งในหลายๆ ข้อกังวลสงสัย จนทั้ง 4 องค์กรวิชาชีพทางด้าน วิศวกรรมและสถาปัตยกรรมต้องออกมาคัดค้าน ท้วงติง เรื่องที่ ทอท. จะดำเนินการเพื่อจะก่อสร้างอาคาร ท่าอากาศยานหลังใหม่ (Terminal 2) บนพื้นที่ที่อยู่นอกผังแม่บท (Master Plan)
ต่อมา สถาบันวิจัยเพื่อการ พัฒนาประเทศไทย (TDRI) สภา อุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ก็ได้ออกมาแสดงความกังวลว่า การลงทุนก่อสร้างส่วนอาคารผู้โดยสาร หากไม่โปร่งใสและไม่ได้รับฟังปัญหาที่แท้จริงของสนามบินสุวรรณภูมิจากฝ่ายต่างๆให้รอบด้าน อาจจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาความแออัด ได้จริงได้ทันเวลา ซึ่งจะกระทบไปถึงเศรษฐกิจของประเทศที่ทำรายได้เข้าประเทศถึง ปีละ 1.1 ล้านล้านบาท
จากข้อมูลต่างๆ ของ ทอท. ในขณะนี้ ไม่สามารถจะแสดงตัวเลขหรือข้อมูลสนับสนุนให้มั่นใจได้เลยว่า เมื่อก่อสร้างอาคารท่าอากาศยานหลังใหม่ (Terminal 2) เสร็จแล้วจะสามารถแก้ไขปัญหาสนามบินคับคั่งที่เป็นอยู่ขณะนี้ได้
ขอฝากไว้ว่า เรื่องก่อสร้างที่สุวรรณภูมินี้ อย่าได้แอบอ้างนายกฯ เพราะพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็เป็นห่วงการลงทุนก่อสร้างที่สุวรรณภูมิมากตั้งแต่ต้น ถึงได้ประกาศในการประชุมกรรมการ ต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (คตช.) ซึ่งผมร่วมเป็นกรรมการอยู่ด้วย ขอให้ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ใช้ระบบ Constuction Sector Transparency Initiative (CoST) เข้าไปดูสร้างและควบคุมความโปร่งใส ของโครงการเป็นหนึ่งในสองโครงการแรกในประเทศไทยที่ใช้ระบบนี้ เมื่อ 4 ปีที่แล้วเลยทีเดียว
การจะสร้างอาคารท่าอากาศยาน หลังใหม่ (Terminal 2) นั้น ไม่ว่า จะเลือกรูปแบบอย่างไร ถึงจะใช้งบประมาณสูงแค่ไหน (อาจสูงถึง 42,000 ล้านบาท และเมื่อรวม งบประมาณแล้ว การลงทุนขยาย สนามบินสุวรรณภูมิอาจจะต้องใช้เงิน รวมทั้งหมดถึง 1.4 แสนล้านบาท) ก็ยังถือว่าไม่แพง แต่จะแพง มากหากทำไปแล้วไม่ได้ผลจริง แต่กลับเกิด "กลียุคในสนามบิน" ขึ้นเมื่อสร้างเสร็จ
สิ่งที่ควรทำจริงอย่างรวดเร็วในขณะนี้ ก็คือการต่อขยายอาคารผู้โดยสารเดิมออกมาตรงสวน ทั้งสองด้านตามแผนแม่บทเดิม ซึ่ง ทอท.ก็ได้จ้างออกแบบมานานจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว พร้อมสร้างได้ เลย ซึ่งจะใช้เวลาก่อสร้างได้รวดเร็ว มาก จะเสร็จภายในหนึ่งปีครึ่งถึงสองปี โดยไม่ต้องมีการทุบกระจกผนังด้านข้างตามที่ ทอท. เคยแถลงไว้ แต่อย่างใด และจะสามารถประหยัด งบประมาณไปได้อีกหลายเท่าตัว สามารถนำงบประมาณที่เหลือนี้ไปพัฒนาส่วนอื่นๆ ได้ดีกว่า
#ร่วมเป็นคนไทยตื่นรู้สู้โกง
#ACTองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน